รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบปร ะชาชน ครั้งที่ 15 (7/1/2012)
รัฐบาลยืนยันมีแนวทางในการท ี่จะฟื้นฟูประเทศเพื่อป้องก ันไม่ให้น้ำกลับมาท่วมอีก และเศรษฐกิจในปี 2555 มีการพัฒนาและเติบโตมากกว่า ปี 2554
ถอดเทป
รายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน"
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทั ศน์แห่งประเทศไทย
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห ่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 08.00 น.
.......................... .......................... ....
พิธีกร (นายธีรัตถ์ รัตนเสวี) : สวัสดีครับยินดีต้อนรับสู่ร ายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประ ชาชนครับ วันนี้ ผมธีรัตถ์ รัตนเสวี รับหน้าที่ดำเนินรายการ หลังจากเกิดเหตุอุทกภัยครั้ งใหญ่ในปลายปี 2554 รัฐบาลมีแนวทางในการที่จะฟื ้นฟูประเทศไทย รวมถึงป้องกันไม่ให้น้ำกลับ มาท่วมอีก ขณะเดียวกันก็มีคำถามว่าเงิ นในแง่ของการฟื้นฟูประเทศจะ มาจากไหน เศรษฐกิจไทยในปี 2555 นี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างครั บ 2 ท่านที่จะมาให้คำตอบกับเราไ ด้ที่สุดในวันนี้นะครับ ท่านแรกครับคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีกท่านหนึ่งนะครับ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ท่านเป็นประธานคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและส ร้างอนาคตประเทศหรือว่า กยอ. เศรษฐกิจ เรียนถามคุณกิตติรัตน์ว่าถ้ าเรามองดูเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ที่ผ่านมาเราเติบโตลดลงไปมา กเพราะเกิดปัญหาน้ำท่วมครั้ งใหญ่ ถ้ามองดูในปีนี้คิดว่าเศรษฐ กิจไทยจะ เป็นอย่างไรครับ
นายกิตติรัตน์ฯ : ผมมองปี 2555 เป็นปีที่ดี เนื่องจากเรามีโครงการหลายเ รื่องที่เดินหน้าแล้วเรื่อง ของการเปลี่ยนสมดุลของประเท ศโดยการเพิ่มรายได้ให้กับผู ้มีรายได้น้อย ตรงนี้ก็จะช่วยให้กำลังซื้อ ภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างม ีนัยยะสำคัญ ในขณะที่โลกอาจจะกังวลเรื่อ งของการส่งออก เราเองก็มีเหตุผลที่จะกังวล บ้างแต่ว่าปัจจุบัน เราส่งออกไปยังประเทศที่เป็ นยูโรโซนเพียงประมาณร้อยละ 9.8 ก็คือไม่ถึงร้อยละ 10 แต่เราเองผลิตสินค้าซึ่งถือ ว่าเป็นสินค้าคุณภาพดีในราค าที่ไม่สูงนัก ความต้องการของประเทศที่มีก ำลังซื้อน้อยลงก็ยังคงต้องซ ื้อสินค้าต่างๆ จากเราอยู่ รวมทั้งในปีนี้เป็นปีที่เรา จะต้องลงทุนกันอย่างเข้มแข็ งจริงจังในเรื่องของการสร้า งระบบบริหารจัดการโครงสร้าง พื้นฐานต่างๆ ที่จะป้องกันในเรื่องของน้ำ ท่วม น้ำแล้ง เพราะฉะนั้นจะเป็นปีที่เศรษ ฐกิจไทยมีโอกาสที่จะเติบโตไ ด้มากเป็นพิเศษแต่ว่าก็เรีย นว่า เนื่องจากปีที่แล้วเราเติบโ ตน้อย เราเติบโตติดลบในไตรมาสที่ 4 จากผลกระทบของอุทกภัยก็ประม าณกันว่าปี 54 ก็คงจะโตเพียงร้อยละ 1.5 ปีนี้ก็คาดว่าน่าจะโตสักร้อ ยละ 7 2 ปีรวมกันเป็น 8.5 ถ้าหารเฉลี่ยก็เท่ากับว่า 2 ปีนี้เราอาจจะเติบโต 4.25 ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ปกติแต่ ก็ถือว่าปีที่แล้วเราโตน้อย นะครับ ปีนี้ก็น่าจะโตมากขึ้นมาก็ไ ม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องกังว ลนะครับว่าเป็นเรื่องเศรษฐก ิจร้อนแรงอะไรเพราะว่าเป็นเ รื่องของการเติบโตจากฐานผู้ มีรายได้น้อย เขาคงไม่ไปเก็งกำไรอะไรให้ม ีปัญหาในเรื่องของราคา สินทรัพย์หรือราคาสินค้า ในขณะเดียวกันการเติบโตที่ม าจากการที่รัฐจะต้องลงทุนโค รงสร้างพื้นฐาน ก็ถือว่าเป็นการสร้างอนาคตข องประเทศที่จะทำให้มีความพร ้อมในระยะยาว
พิธีกร : ท่านกำลังมองว่าการที่รัฐบา ลมีนโยบายไม่ว่าจะเป็นการปร ับค่าแรงขั้นต่ำ 7 จังหวัดในเดือนเมษายน ค่าตอบแทนของคนที่จบปริญญาต รีที่ภาครัฐเริ่มไปแล้วตั้ง แต่ 1 มกราคม การรับจำนำสินค้าเกษตรเหล่า นี้จะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อ ยมีกำลังซื้อมากขึ้น การบริโภคในประเทศจะเป็นตัว จักรสำคัญผลักดันเศรษฐกิจให ้เติบโตผนวกกับการลงทุนของภ าครัฐด้วยใช่ไหมครับ
นายกิตติรัตน์ฯ : ใช่ครับเพราะในอดีตเราเติบโ ตจากการ ส่งออกเป็นหลักแล้วก็กำลังซ ื้อภายในประเทศไม่ค่อยมีส่ว นสนับสนุนให้เศรษฐกิจเคลื่อ นตัวไปข้างหน้า แต่ว่ากลุ่มผู้มีรายได้น้อย เหล่านี้ทั้งส่วนที่อยู่ในส ังคมเมืองและส่วนที่มาจากสั งคมเกษตร การที่สินค้าเกษตร หลักของประเทศก็คือข้าวเราม ีราคาที่ดีนะครับ ก็จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้า วมีรายได้ที่ดีขึ้น รวมทั้งผู้ที่เป็นผู้ใช้แรง งาน ซึ่งอาจจะมีรายได้ที่น้อยมา กๆ ในอดีต ขณะนี้ก็จะมีรายได้ที่ดีขึ้ นแล้วก็เรียนว่าโครงการเรื่ องของการรับจำนำข้าวเริ่มมา ตั้งแต่ปลายปี 54 เพราะฉะนั้นก็ถือว่าตั้งแต่ ต้นปีไปเลยเกษตรกรเหล่านั้น ก็จะมีรายได้ที่ดีขึ้น แล้วก็เอกชนหลายรายนะครับถึ งแม้ว่าไตรภาคีจะตกลงจะเริ่ มกันอย่างเป็นทางการใน เรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำใน 7 จังหวัดในวันที่ 1 เมษายนนี้ แต่เอกชนหลายรายก็ได้ขยับไป ในอัตราที่เป็น 300 บาทหรือสูงกว่านั้นไปก่อนแล ้ว เพราะว่าท่านทราบดีว่าการดำ เนินงานในลักษณะที่ทำโดยสมั ครใจจะได้กำลังใจจากลูกจ้าง ซึ่งก็ทำงานให้ท่านอย่างมีป ระสิทธิภาพดีขึ้น ส่วนนี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจเค ลื่อนตัวได้ดี
พิธีกร : ดร.วีรพงษ์ครับ เศรษฐกิจที่ที่ผ่านมาขับเคล ื่อนโดยการลงทุนของนักลงทุน ต่างประเทศพอสมควรเมื่อเกิด น้ำท่วมครั้งใหญ่โรงงานของพ วกเขาได้รับความเสียหาย บทบาทของท่านเมื่อได้รับเป็ นประธานของ กยอ. แล้วได้มีการสร้างความเชื่อ มั่นของนักลงทุนต่างประเทศก ลับมายังประเทศไทยอย่างไรบ้ างครับ
ดร.วีรพงษ์ฯ : พอผมรับตำแหน่งนี้สิ่งแรกที ่เขากังวลก็คือการประกันภัย เขาก็อธิบายผมว่าประกันภัยม ีความสำคัญถ้าเผื่อว่าไม่สา มารถประกันภัยได้แล้ว การกู้เงินจากสถาบันการเงิน ก็จะมีปัญหาเพราะเป็นเงื่อน ไขสำคัญของการกู้เงินของหลา ยๆ เรื่อง ดังนั้นสิ่งแรกที่ผม ดำเนินการก็คือไปที่ประเทศอ ังกฤษ กรุงลอนดอน ไปพบเจ้าของตลาดใหญ่ ซึ่งก็ประชุมบริษัทที่รับปร ะกันภัยต่อเกือบทั้งยุโรป บริษัทใหญ่ ๆ มาหมดมาชี้แจงว่าเราจะแก้ไข ป้องกันน้ำท่วมระยะสั้น ระยะปานกลาง อย่างไรต่อคำซักถามที่เขาถา มมากว่าจะเอาเงินจากที่ไหนต ่อมาผมก็ได้ร่วมเดินทางกับท ่านรองนายกฯ ไปที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก กับประเทศของเรา เพราะเขาถือว่าเป็นฐานการลง ทุนสำคัญที่สุดของญี่ปุ่นนอ กประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเราจึงได้รับเกียรติ และท่านรองนายกฯ ได้รับเกียรติจากท่านนายกรั ฐมนตรีญี่ปุ่น รัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีเศรษฐกิจและอุตสาหก รรม แล้วก็รัฐมนตรีสถาบันการเงิ น รวมทั้งได้พบกับประธานขององ ค์กรใหญ่ ๆ ระดับประธานทั้งสิ้น เช่น เคดันเรน ไจก้า เจบิค เจซีซี ถ้าแปลเป็นไทยก็คือสมาพันธ์ ธุรกิจแห่งประเทศญี่ปุ่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาของประเ ทศญี่ปุ่น
พิธีกร : อาจจะเป็นคณะกรรมการร่วมภาค รัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหา ทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ของประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้ก็ คือทั้งรัฐและเอกชนของญี่ปุ ่นได้ เจอหมด
ดร.วีรพงษ์ฯ : ได้เจอระดับประธานใหญ่ของเข าทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เขายืนยันทีเ ดียวว่าเขาจะไม่หนีจากประเท ศไทยเขาจะไม่ย้ายไปไหน ถ้าจะย้ายก็ย้ายอยู่ในเมือง ไทยนี่แหละ จากที่น้ำท่วม ที่น้ำไม่ท่วม แต่ว่าเมืองไทยนี่เป็นประเท ศที่น่าลงทุนที่สุดมีความมั ่นคงทางด้านเศรษฐกิจ มีความมั่นคงทางด้านการเงิน การคลัง มีความมั่นคงในเรื่องของระบ บราชการต่างๆ มีความต่อเนื่อง แม้ว่าระบบการเมืองอาจจะขลุ กขลักบ้าง แต่ว่าระบบราชการของเราก็มั ่นคงดี เพราะฉะนั้น ที่เขาจะย้ายไปที่ไหน คงไม่ไป แต่ว่าขอความมั่นใจว่าเราจะ ทำจริงๆ จังๆ
พิธีกร : คือต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบ ปีที่แล้วอีก
ดร.วีรพงษ์ฯ : ถ้าฝนตกอย่างปีที่แล้วก็ต้อ งไม่เกิดเรื่องอย่างปีที่แล ้ว ผมก็ยืนยันว่าจะต้องไม่เป็น อย่างนั้น เขาก็ฝากมาว่าพูดอย่างเดียว ไม่พอนะ ต้องเห็นผลงานด้วยต้องทำด้ว ย ผมก็เอาชื่อผมไปเป็นประกันไ ว้ ออกข่าวไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นก็จะต้องทำกันจร ิง ๆ จังๆ ทำไมกล้าไปยืนยันกับชาวโลกเ ขาได้อย่างนั้น เพราะว่าปัญหาที่ผมเห็นมันแ ก้ไขทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเร ื่องความไม่ประสานกันในเรื่ องการบริหารน้ำการไม่ดูแลระ บบต่างๆ ที่มีอยู่แล้วให้มันใช้ประโ ยชน์ได้อย่างเต็มที่ คันคูต่าง ๆ ก็ปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรม หนองคลองบึงต่าง ๆ ก็ปล่อยให้ขยะ ปล่อยให้วัชพืชขึ้น อย่างเช่น คลองบางซื่อ น้ำไม่ออก ไปเจอที่นอนตั้ง 6 หลังอยู่ใต้คลองต้องไปขอแรง ทหารต้องมาแบกออก พอทหารมาแบกออกน้ำก็ไหล อย่างนี้ต้องไม่เกิดขึ้นในป ีหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำในระยะสั้นก็มีเ ยอะ เสริมคันคู เสริมระบบต่าง ๆ สิ่งพวกนี้ทำได้หมดระดมผู้ร ับเหมาในประเทศไม่ต้องไปที่ ไหน
พิธีกร : เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องทัน ก่อนน้ำมาครั้งใหม่
ดร.วีรพงษ์ฯ : และที่สำคัญผมอยากจะให้มีคื อซ้อมใหญ่
พิธีกร : ซ้อมใหญ่ ซ้อมยังไงครับ
ดร.วีรพงษ์ฯ : คือซ้อมใหญ่ว่าน้ำจะท่วมแล้ วจะได้ตรวจสอบว่าสูบดีไหม ประตูน้ำไขขึ้นไหม ไขไม่ขึ้นคนพร้อมเพรียงกันห รือไม่ยังไง การซ้อมใหญ่จะทำให้รู้ข้อบก พร่องว่าตรงไหนบกพร่อง ตรงไหนเป็นยังไงเราจะรู้ตรง ซ้อมใหญ่ ผมอยากฝากรัฐบาลให้ช่วยทำให ้ที
พิธีกร : ซึ่งท่านรองครับในเช้าวันศุ กร์มีการประชุมคณะกรรมการยุ ทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหาร การจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) มีการพูดถึงแผนหรือว่าพูดถึ งสิ่งที่จะต้องทำมี 8 แนวทางด้วยกันตรงนั้นคิดว่า เป็นแนวทางสำคัญในการที่จะท ำให้ป้องกันน้ำท่วมที่จะ เกิดขึ้นอีกในปีนี้มากน้อยแ ค่ไหนครับ
นายกิตติรัตน์ฯ : ผมก็มั่นใจเช่นเดียวกันกับท ี่ ท่านอาจารย์วีรพงษ์มั่นใจเพ ราะว่าเราได้ระดมผู้เชี่ยวช าญทั้งในประเทศและต่างประเท ศและในขณะเดียวกันเราได้ยึด แผนแม่บทในการบริหารจัดการล ุ่มน้ำ ซึ่งได้มีการจัดทำไว้ดีทีเด ียวนะครับเป็นต้นแบบตั้งแต่ ปี 2542 , 2543 เรามีแผนสำคัญอยู่ 2 แผน แผนแรกก็คือทางองค์กรของประ เทศญี่ปุ่นองค์การความร่วมม ือระหว่างประเทศของประเทศญี ่ปุ่น หรือไจก้าได้ทำแผนขึ้นมาฉบั บหนึ่งแล้วก็ได้เสนอแนะแนวท างไว้ครอบคลุมดีทีเดียว ตามด้วยแผนแม่บทบริหารจัดกา รลุ่มน้ำเจ้าพระยาของสำนักง านทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตร ิย์ฉบับ เดือนตุลาคมปี 2543 หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญก็ไ ด้นำแผนทั้งสองมาปรึกษาหารื อกันจนขณะนี้ถือว่าเป็นแผนเ ดียวแล้ว ก็พร้อมที่จะดำเนินการได้โด ยทันทีที่พระราชบัญญัติงบปร ะมาณแผ่นดินปี 2555 ผ่าน ซึ่งในขณะที่ออกอากาศก็ถือว ่าน่าจะผ่านพร้อมที่จะดำเนิ นการได้แล้ว ถือว่าแบ่งภาระงานเป็น 2 ส่วนครับคือส่วนที่ เรียกว่าเร่งด่วนก็คือจะสาม ารถดำเนินการกันได้ในปี 2555 และจะเสร็จในปี 2555 ด้วย ตรงนี้จะใช้เงินประมาณ 17,126,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหนึ่งร้อ ยยี่สิบหกล้านบาท) และก็จะเป็นส่วนที่ใช้งบประ มาณจากที่ได้ตั้งและผ่านสภา แล้วก็คือ 12,610,000 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยสิบ ล้านบาท) ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการใช้ เงินจาก งบประมาณปี 2556แต่ก็ยังอยู่ในระยะเวลา ของปี2555 ตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องของการ จัดการซ่อมค่ายคูประตูและ ก็สถานีต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุงระบบการจ ัดเก็บระบบระบายต่าง ๆ ที่บกพร่องไปจากความเสียหาย ในอุทกภัยก็ดีหรือว่าอาจจะเ กิดจากการสะสมการขาดแคลนอุป กรณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอ ดีต
นอกจากนั้นก็จะมีส่วนที่ 2 ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที เดียวก็คือการบริหารจัดการร ะยะยาว ตรงนี้จะมีการออกกฎหมายที่จ ะระดมเงินจำนวน 350,000,000,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นล้านบาท) แล้วจะเป็นโครงการซึ่งสามาร ถดำเนินการได้ทันที แต่ว่าระยะเวลาในการเสร็จสิ ้นอาจจะไม่ได้อยู่ในปี 2555 บางโครงการเช่นโครงการขนาดใ หญ่เช่นสร้างระบบเก็บน้ำขนา ดใหญ่ กว่าจะเสร็จสิ้นก็อาจใช้เวล าประมาณ 2-3 ปีในขณะที่โครงการขนาดใหญ่ย ังไม่สำเร็จ แต่ว่าเราจะมีแผนระยะสั้นที ่จะรองรับว่าถ้าปริมาณน้ำฝน มากเท่ากับที่เราเคยเผชิญใน ปี 54หรือว่ามากกว่า เราจะจัดการอย่างไรไม่ให้พื ้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจและก็ สังคมได้รับความเสียหายเป็น วงกว้าง จะมีจัดพื้นที่รองรับน้ำ ปรึกษาหารือกับภาคเกษตรกรรม ให้ได้รับการดูแลอย่างดีเป็ นพิเศษในฐานะผู้เสียสละที่จ ะต้องรองรับน้ำ ดังนั้นความมั่นใจในเรื่องน ี้ถือว่าดีเต็มที่และก็พร้อ มที่จะนำเสนอแผนนี้ให้กับนั กธุรกิจทั้งในประเทศและต่าง ประเทศได้รับทราบร่วมกันอีก ครั้งหนึ่งในวันที่ 14 มกราคม ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่า งประเทศมาร่วมแสดงความคิดเห ็น และก็ยืนยันความสมบูรณ์ของแ ผนด้วย
ดร.วีรพงษ์ฯ : ผมขอเพิ่มอีกนิดนึง ประชุม กยอ. วันนี้ เราได้พูดถึงว่าเราดูแต่ลุ่ มน้ำเจ้าพระยา ความจริงลุ่มน้ำอื่นก็มีปัญ หาน้ำท่วมอย่างเช่น ปักใต้ ก็เลยมีมติขอเพิ่มอีก 50,000 ล้านบาท ในกรณีที่จะได้ดูในเรื่องลุ ่มน้ำอื่นที่จะสร้างความเดื อดร้อนให้ประชาชนด้วย ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าควรจะต้อ งดูทั้งประเทศ ไม่ใช่ดูเฉพาะลุ่มแม่น้ำเจ้ าพระยา
พิธีกร : เฉพาะ 50,000 ล้านบาท (ห้าหมื่นล้านบาท) นี่จะไปเพิ่มใน พระราชกำหนด (พรก.) 350,000 จะเป็น 400,000 หรือยังไงครับ
นายกิตติรัตน์ฯ : ที่จริงรัฐบาลได้ประกาศนโยบ ายไว้ชัดเจนนะครับว่าจะ ดูแลบริหารจัดการ 25 ลุ่มน้ำก็คือทั้งประเทศ ในกลุ่มที่เป็นลุ่มแม่น้ำเจ ้าพระยาประกอบไปด้วย 8 ลุ่มน้ำย่อย ก็จะใช้เงินลงทุนตรงนี้ที่ไ ม่รวมกับ 17,126,000,000 บาท (หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหนึ่งร้อ ยยี่สิบหกล้านบาท) ที่ผมเรียนว่าเป็นเรื่องที่ ทำได้ทันที และอยู่ในงบประมาณปกติ สามแสนล้านจะดูแลลุ่มแม่น้ำ เจ้าพระยาซึ่งเท่ากับครอบคล ุม 8 ลุ่มน้ำย่อยแล้วก็อีกสี่หมื ่นล้านจะดูแลอีก17ลุ่มน้ำ ซึ่งครอบคลุมถึงลุ่มน้ำทั่ว ประเทศ และรวมถึงภาคใต้ที่เกิดปัญห าน้ำท่วมอยู่ตอนนี้ และก็ลุ่มน้ำอื่นๆ ทางภาคอีสาน และทางภาคเหนือตอนบนด้วย ในขณะเดียวกันมีอีกหนึ่งหมื ่นล้านบาทนะครับ เป็นเรื่องของการเตรียมการใ ห้คณะกรรมการ กยอ. ที่ท่านวีรพงษ์เป็นประธานอย ู่ ได้พิจารณาในโครงการซึ่งมีป ระโยชน์ต่ออนาคตประเทศระยะย าว ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่ องของการบริหารจัดการน้ำโดย อ้อมหรือโดยตรงก็ได้ หรืออาจจะไม่เกี่ยวข้องนัก แต่ว่าถือเป็นเรื่องที่มีปร ะโยชน์ต่ออนาคตของประเทศระย ะยาว รวมกันทั้งสิ้นก็คือร่างกฎห มายซึ่งจะพร้อมทำให้สามารถจ ะระดมเงินได้สามแสนห้าหมื่น ล้านครับ และเป้าหมายในการระดมเงินก็ ต้องการที่จะทำให้เสร็จ หมายถึงว่าไม่ไปกู้คาราคาซั งอะไร ภายในกลางปี 2556 เพราะว่าเราเชื่อว่าเราจะสา มารถเริ่มดำเนินการได้อย่าง รวดเร็วในโครงการต่างๆ บางโครงการก็อาจจะเสร็จหลัง ช่วงกลางปี 2556 ไปบ้างนะครับ แต่ว่าการระดมเงินจะทำให้เส ร็จสิ้นตามกฎหมายภายในกลางป ี 2556
พิธีกร : แต่ก็มีคำถามมากมายในสัปดาห ์ที่ผ่านมาถึงการออก พรก. ฉบับนี้ว่ามีความจำเป็นมากน ้อยแค่ไหนเหมือนจะไปกระทบฐา นะการคลังของประเทศหรือเปล่ า และไปเกี่ยวโยงกับหลายเรื่อ งอย่างเช่นว่า หนี้ของกองทุนฟื้นฟูเหล่านั ้น ทำไมต้องออกเป็นกฎหมายหลายฉ บับพร้อมกันถึง 4 ฉบับ ที่คุณกิตติรัตน์ได้นำเข้าส ู่ ครม. เมื่อวันพุธที่ผ่านมาครับ
ดร.วีรพงษ์ฯ : เอาฉบับที่เกี่ยวกับหนี้ก่อ นนะครับ หนี้กองทุนฟื้นฟู เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นกองทุนหนึ่งในธนาคารแห่ งประเทศไทย โดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่ง ประเทศไทย ตั้งขึ้นโดยท่านรัฐมนตรีสมห มาย ฮุนตระกูล กับท่านผู้ว่าการธนาคารแห่ง ประเทศไทย ท่านกำจร สถิรกุล สมัยพล.อ.เปรมฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นทางธนาคารแห่งประเทศ ไทยก็อยากจะตั้งสถาบันประกั นเงินฝาก แต่ว่าท่านรัฐมนตรีสมหมายท่ านบอกว่าไม่มีประโยชน์ เพราะว่าสถาบันประกันเงินฝา กที่อเมริกาที่อังกฤษที่ยุโ รป เวลามีปัญหาก็ไม่พอเงิน รัฐบาลต้องควักกระเป๋าเข้าไ ปช่วยอยู่ดี ก็เลยจัดตั้ง เรียกว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถ าบันการเงิน ก็ไปลอกแบบของอังกฤษ โดยให้ท่านเริงชัย มะระกานนท์ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เป็นผู ้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไปดูงานที่อังกฤษ กลับมาท่านก็ทำข้อเสนอ ก็ใช้ประโยชน์ได้ดีเพราะว่า ช่วงนั้นก็เกิดมีปัญหาคนแห่ มาถอนเงินจากสถาบันการเงิน เริ่มจากบริษัทที่เขาเรียกว ่าตึกดำ จำได้ไหม แล้วก็ถอนใบอนุญาตกัน ถอนไป 5 แห่ง มาอีก 30 แห่ง ก็เลยจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูฯ ขึ้นในธนาคารแห่งประเทศไทยโ ดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเท ศไทยเป็นประธาน แล้วก็ผู้จัดการกองทุน ก็เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประ เทศไทย กรรมการส่วนมากก็เป็นคนจากห น่วยราชการจากกระทรวงการคลั ง จากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ทั้งหมดนี้ธนาคารแห่งประ เทศไทยเป็นคนจัดการทั้งนั้น ครับ ทีนี้มาถึงคราวเกิดต้มยำกุ้ ง ธนาคารแห่งประเทศไทยทำความผ ิดพลาดไปสู้ค่าเงินบาท ทั้งๆ ที่ควรจะลดค่าเงินบาทเพราะม ันไปไม่รอด ก็ขาดทุน ที่เรียกว่าไปทำ Swap ก็คือขายดอลลาร์ล่วงหน้า โซรอสกับพวกก็เห็นช่อง ก็เล่นงาน ขาดทุนไปแปดแสนล้าน มาอีกอันหนึ่ง พอเกิดเรื่องอย่างนี้ท่านก็ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เงิ นไหลออก ก็หวังให้เงินไหลเข้า ก็ปรากฏว่าเศรษฐกิจก็พัง ขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 20% ใครจะอยู่ได้ ก็เกิดการปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง ก็ไม่ควรจะปิด สมัยท่านสมหมายท่านไม่ปิดหร อก ท่านก็ลดทุน ไล่เจ้าของออก ไล่ผู้จัดการออก ก็ส่งคนทางการไป ลูกค้าก็อยู่ได้ ลูกค้าไม่ถูกตัดสินเชื่อก็อ ยู่ได้ไม่เสียหายขนาดนั้น นี่ไปปิดเลย ลูกค้าดีๆก็พังหมดก็เลยลาม
พิธีกร : รัฐบาลก็เลยต้องมาขอรัฐบาลไ ปช่วย
ดร.วีรพงษ์ฯ : ก็เลยมาขอ ขอแก้กฎหมาย ขออำนาจให้กองทุนฟื้นฟูฯ เข้าไปจัดการ ก็ไปจัดการ เสร็จแล้วก็ไปถอนใบอนุญาต อันนี้ก็ขาดทุนอีกแล้ว เพราะว่าเงินที่อุดไปก่อน ก่อนที่จะไปถอนใบอนุญาต สูญหายไปกับน้ำหมด ที่นี้ก็เอาทรัพย์สินเขามาป ระมูล มาบอกว่า ต้องรีบประมูล เดี๋ยวเกาหลีใต้จะประมูลก่อ นแล้วจะไม่มีใครซื้อ
พิธีกร : ในสมัยที่เรามีการตั้งองค์ก ารเพื่อการปฎิรูประบบสถาบัน การเงิน (ปรส.)
ดร.วีรพงษ์ฯ : ครับ ปรส. แล้วเสร็จแล้วก็บอกว่าห้ามล ูกหนี้ประมูล เดี๋ยวจะเป็น Moral hazard ก็ไปเอาฝรั่งมาประมูล แล้วก็เอามาขายลูกหนี้ตามเด ิมในที่สุดก็ขาดทุนสามอันนี ้รวมกันไป รวมกันมาเป็นล้านล้านบาท ก็บอกว่าไม่ไหว ก็ให้รัฐบาลช่วย เพราะว่าธนาคารแห่งประเทศไท ยตอนนั้นไม่ไหวแล้ว รัฐบาลก็ใจดี ถ้าผมเป็นรัฐมนตรีคลังตอนนั ้นผมไม่ยอมหรอก ก็บอกว่าเอาอย่างนี้ให้รัฐบ าลจ่ายดอก แล้วแบงค์ชาติจะจ่ายต้น ผ่านมา10ปีแบงค์ชาติไม่เคยก ำไรเลย รัฐบาลก็จ่ายดอกไปเรื่อยปีล ะ หกหมื่น แล้วนั้นเงินรัฐบาลที่ไหน ก็เงินภาษีประชาชน
พิธีกร : แล้ว 10 ปีที่ผ่านมาภาษีของประชาชนท ุกๆคน ก็ไปจ่ายกับดอกเบี้ยหกหมื่น ห้าพันล้าน
ดร.วีรพงษ์ฯ : ทีนี้พอเกิดอย่างนี้ขึ้น พอเศรษฐกิจมันฟื้นตัวก็เป็น ข้อจำกัดที่โครงการทั้งหลาย เราอยากทำ Flood way อยากทำเขื่อนนู้น อยากทำอันนี้ ตัวนี้ก็เป็นข้อจำกัดเพราะว ่ายอดหนี้ public debt หรือว่าหนี้สาธารณะ ค้ำคออยู่ เดิมเราก็ตั้งไว้ไม่ให้เกิน 50% ของรายได้ประชาชาติ รายจ่าย ในงบประมาณรายจ่ายทั้งต้นทั ้งดอกไม่ให้เกิน 15% นี้ก็ซัดไป 12 % เหลืออีก 3 % เท่านั้น ที่จะทำอะไรไม่ได้ บัดนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก ็เข้มแข็งแล้ว มีทุนสำรองระหว่างประเทศเป็ นอันดับ17ของโลก ถึงแสนแปดหมื่นสามพันล้าน เป็นของฝ่ายออกบัตรหรือทุนส ำรองเงินกลางเพียงห้าหมื่นล ้าน อีกแสนสามล้านเป็นของแบงค์ช าติจริงๆ อีกห้าหมื่นล้านไม่ใช่ หลวงตาท่านเรียกคลังหลวงอย่ าไปยุ่ง แต่ไอ้ที่แสนสามท่านไม่ค่อย พูดถึง ยังมีเงินสดในมืออีกในบัญชี อีก สามล้านล้าน แต่ว่าบริหารขาดทุนหมด ทั้งๆนี้มีอำนาจอยู่ในมือ ตกลงหนี้ที่ว่านี้ก็เลยกลาย เป็นหนี้ตลอดกัลปวสาน เป็น Perpetual debt ต้นก็ไม่ลดเลย แล้วเราก็จ่ายดอกกันมาเรื่อ ย อันนี้ก็เป็นข้อจำกัดทำให้เ ราไม่สามารถสร้างประเทศชาติ ได้ ที่เราพูดกันว่าอยากจะมีรถส ปีดเวย์ สปีดเทรน อยากจะมีโน้นมีนี่ก็มาเจออั นนี้เข้า มันติดวินัยการคลังอยู่ ทั้งๆที่วินัยการคลังนี้ไม่ ใช่รัฐบาลตั้ง แล้วธนาคารแห่งประเทศไทยมาโ ยนให้ บัดนี้ท่านเข้มแข็งแล้วก็ขอ คืนท่านไปเราจะได้เอามาพัฒน าประเทศสร้างอนาคตของชาติต่ างๆ เราพูดถึงรถไฟความเร็วสูง เราพูดถึงระบบรางใหม่ เราพูดถึงท่าเรือน้ำลึก ซึ่งขณะนี้ใช้เต็มเหนี่ยวหม ดแล้ว เราจะต้องขยาย แล้วบัดนี้ภูมิภาคมันเปลี่ย นไปแล้ว เศรษฐกิจมันจะย้ายจากอเมริก า ยุโรปมาอยู่เอเชีย พม่าก็กำลังจะเปลี่ยน อินโดจีนก็กำลังจะเปลี่ยน จีนก็จะเป็นมหาอำนาจทางเศรษ ฐกิจแล้ว แล้วเราตั้งอยู่ใจกลางนี้ ไปติดหนี้กองทุนฟื้นฟูอยู่ เลยจะเสียวินัยการคลังก็ไม่ ได้ จะลงทุนก็ติดอันนี้อยู่
พิธีกร : มีเรื่องของมาตรา 7 วงเล็บ3 บอกว่าการโอนเงินหรือสินทรั พย์ของธนาคารแห่งประเทศไทยห รือกองทุนเข้าบัญชีตามมาตรา 5ที่ ครม. กำหนด เขาบอกว่า ตรงนี้เหมือนการทำเป็น blank check ทำเช็คเปล่าได้เลย
ดร.วีรพงษ์ฯ : เอาอย่างนี้ ผมอยากจะตอบท่าน ต้องทำงานแบงค์ชาติ ผมคนนอกตอบแทนดีกว่า คือสังคมไทยนี้ไว้ใจแบงค์ชา ติ แต่ไม่ไว้ใจกระทรวงการคลัง ไม่ไว้ใจนักการเมือง แต่ดูประวัติศาสตร์เถอะครับ เวลาเกิดวิกฤตินี้ฝีมือท่าน แบงค์ชาติทั้งนั้น ตั้งแต่ท่านรัฐมนตรีสมหมาย ท่านไม่ยอมลดค่าเงินบาท จนต้องเปลี่ยนผู้ว่าถึงได้ล ดได้ เรื่อยมานะครับ ทีนี้ก็จะปิดประตู ก็เผื่อคณะรัฐมนตรีไม่สามาร ถที่จะมีมติแล้วก็ทำอะไรได้ นี้ แบงค์ชาติท่านก็เป็นอิสระ10 0% เป็นรัฐอิสระ แล้วมักจะชอบพูดให้สังคมไม่ ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี ซึ่งกระผมก็ไม่ทราบว่ายังไง ซึ่งอันนี้มันขัดกับหลักประ ชาธิปไตย และคณะรัฐมนตรีท่านมาจากประ ชาชนนะครับ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยนั้ นไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไร กับประชาชนเลย แต่ท่านสอนให้เขาไม่ไว้ใจคณ ะรัฐมนตรี อันนี้เปิดช่องไว้ในกรณีที่ จำเป็นแล้วถ้าเผื่อว่าคณะรั ฐมนตรีมีมติแล้วท่านเห็นว่า มันไม่ได้หรือร้ายแรงอะไรแบ บนี้ ท่านก็เสนอให้ทบทวนมติก็ได้ แต่ควรจะเปิดเอาไว้ นี่ไปปิดประตูตายแล้ว
พิธีกร : ส่วนเรื่องที่ อีกอันคือเรื่องของการที่จะ ไปเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคา ร ทำไมธนาคารพาณิชย์ ก็ร้องเรียนว่าอยู่ดี ๆ ทำไมธนาคารพาณิชย์ต้องมีการ เก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคาร
ดร.วีรพงษ์ฯ : อันนี้ผมขอพูดอย่างนี้ก็แล้ วกันนะ อันนี้เป็นอำนาจของท่าน เราก็ไม่อยากจะไปแตะต้องอำน าจของท่าน ถ้าท่านอยากจะว่ายังไง จะร้องโอยโอยว่าไม่มีทางที่ จะใช้หนี้คืนได้ ต้องให้รัฐบาลเอาภาษีประชาช นไปคืนดอก ก็สุดท้ายแต่ท่านเถอะ ถ้าจะไปต่อว่าก็ไปต่อว่าธนา คารแห่งประเทศไทยก็แล้วกัน
พิธีกร : แต่ว่าคือ อันนี้เป็นแนวทางที่จะทำให้ ในแง่ของปลดล็อกหนี้ตรงนี้ไ ป จะทำให้รัฐบาลมีความคล่องตั วมากขึ้นในแง่ของการจัดการง บประมาณไหมครับ
นายกิตติรัตน์ฯ : ก็อย่างที่ท่านวีรพงษ์ได้กล ่าวครับ คือมีสัดส่วนที่จะต้องควบคุ มสำคัญอยู่ 2 สัดส่วน
ดร.วีรพงษ์ฯ : วินัยการคลัง มี Ratio อยู่ 2-3 ตัว ซึ่งเราต้องรักษาไว้ท่านผู้ ว่าท่านก็บอก ให้รัฐบาลมีวินัยการคลังเรื ่อยเวลาท่านปาฐกถาที่ไหน
พิธีกร : ซึ่งเราก็ทำตามตลอดใช่ไหมคร ับ
ดร.วีรพงษ์ฯ : ครับ
นายกิตติรัตน์ฯ : แล้วก็อันสำคัญทั้งสองรายกา รนะครับ อาจจะดูว่าอันหนึ่งยังหลวมอ ยู่ก็คือเรื่องของหนี้สาธาร ณะต่อขนาดเศรษฐกิจของประเทศ ที่เราใช้ Gross Domestic Product หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชา ติ แต่อันที่สำคัญก็คือในเรื่อ งของการที่จะดูยอดการชำระดอ กเบี้ยรวมกับเงินต้นรายปีนี ้ เป็นสัดส่วนที่ไม่เกินร้อยล ะ15ของงบประมาณแผ่นดินซึ่งง บประมาณแผ่นดินที่ได้ผ่านสภ าในปีนี้ เป็นสัดส่วนที่ไม่เกินร้อยล ะ15 ของงบประมาณแผนดินนะครับ ซึ่งงบประมาณแผ่นดินที่เราไ ด้ผ่านสภาในปีนี้ก็ 2.38 ล้านล้านบาท ยอดดอกเบี้ยและเงินต้นต่อปี ก็จะต้องไม่เกิน สามแสนห้าหมื่นกว่าล้านบาท ขณะนี้เฉพาะยอดนี้ยอดเดียวก ็ หกหมื่นห้าพันล้านบาทต่อปีท ี่เป็นดอกเบี้ยอย่างเดียวนะ ครับเพราะ ฉะนั้นในเรื่องของการดูแลหน ี้ให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม ก็เรียนว่าหนี้จะอยู่ที่ไหน ก็เป็นหนี้ของประเทศ เพียงแต่ว่าหนี้อยู่ในที่ที ่ถูกต้องครับก็คือเป็นหนีที ่อยู่ในจุดตรงนั้น ก็กลับไปอยู่ตรงนั้นดูแลก็เ ขียนโดยกฎหมาย เมื่อมีการระดมเงินไปแล้วว่ าธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิด ชอบในเรื่องของเงินต้นและดอ กเบี้ยในการเรียกเก็บตั้งแต ่กฎหมายฉบับ ปี 2541 บอกว่าถ้าไม่มีนี้ กระทรวงการคลังจะออกไปให้ก่ อน แล้วก็ให้ตามมาของรับคืนได้ ในภายหลัง เมื่อเงินต้นครบแล้ว ละครับ เพราะฉะนั้นในสิ่งที่มีอยู่ เดิมมีความชัดเจนอยู่ที่เดี ยว ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องดูแ ลวันนั้นอาจจะไม่พร้อมเพราะ มีผลกระทบอยู่ในเวลานั้น วันนี้อย่างที่อาจารย์วีรพง ษ์ ได้เรียนว่า ความพร้อมมีมากแล้ว ดังนั้นจึงอยู่ในที่ที่ถูกต ้องเปิดโอกาสให้ประเทศได้เค ลื่อนต่อ แล้วก็เรียนว่าการเคลื่อนต่ อเป็นเรื่องที่ไม่ทำให้ สูญเสียวินัยการคลัง นะครับเพราะเรายังอยู่ในกรอ บสัดส่วนที่สำคัญ สองเรื่องนี้ได้อย่างดี ในแง่เครื่องมือในทางการเมื องที่เราจะเอามาใช้ในการระด มเงินจำนวนมากขนาดนี้ จะใช้เครื่องมือทางการเงินป ระเภทไหนครับ ในเรื่องของกฎหมายที่ร่างนี ้ครับก็จะเปิดทางให้สามารถร ะดมเงินจากในประเทศก็ได้ หรือจากต่างประเทศก็ได้ ซึ่งผมขอเรียนว่าท่านอาจารย ์วีรพงษ์ก็ได้มีแนวทางซึ่งผ มมั่นใจนะครับว่าการระดมเงิ น เกือบทั้งหมดควรเป็นเงินจาก ภายในประเทศแต่ในความเห็นส่ วนตัวของผม ก็คือว่าในขณะนี้มีสถาบันกา รเงินที่ถือว่าเป็นธนาคารกล ุ่มพัฒนาที่ต้องการที่จะให้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำระยะยาว และเขาก็อยากเหลือเกินที่จะ ให้เรากู้เขา เราก็กู้เขาบ้างก็เป็นเรื่อ งที่ดีที่ทำให้สถาบันเหล่าน ี้ครับ ช่วยดูแลธรรมาภิบาลในการใช้ เงิน ซึ่งในอดีตเราอาจจะมีปัญหาเ รื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ เกิดขึ้น ในขณะนี้สังคมตั้งคำถามว่าเ ราจะสามารถดำเนินการให้ซื่อ ตรงโปร่งใสแค่ไหน ซึ่งเราให้สถาบันเหล่านี้มา ช่วยดำเนินการเราอีกทางมีเห ตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้ เงินตราต่างประเทศ โครงการต่างๆน่าจะใช้ค่าใช้ จ่ายในประเทศเป็นหลักนะครับ ซึ่งจะออกเป็นพันธบัตรหรือจ ะออกดำเนินการระดมอื่นใดผลป ระโยชน์ก็จะตกอยู่ในประเทศ
พิธีกร : สามแสนห้าหมื่นล้านตรงนี้ จะเป็นโครงการเร่งด่วนหรือว ่าเป็นโครงการระยะยาวอย่างไ รบ้างครับรายละเอียดมีบ้างค รับ ก็มีการระบุว่ามีการจัดทำระ บบเก็บกักน้ำ ต้องเรียนว่าเรามีแม่น้ำสาย หลักๆ บ้างสายปรากฎว่าเราไม่มีระบ บเก็บกักน้ำเลยนะครับ เวลาที่ฝนตกลงมามากๆ น้ำท่วมเลยไหลมาจนบ่างจังหว ัดทนทุกข์ทรามกัน แล้วในขณะที่ปริมาณน้ำไหลยั งไปไม่ถึงอ่าวไทยเลยนะครับ ปรากฏว่าตรงนั้นแล้งเสียแล้ ว เพราะไม่มีอะไรช่วยเก็บกักน ้ำไว้บ้าง อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องท ำครับ ในขณะเดียวกันการบริหารจัดก ารที่เป็นระบบกักเก็บน้ำเป็ นการใช้เพื่อชลประทานใช้ในส ังคมเมืองและสังคมอุตสาหกรร ม เราเจอน้ำท่วมมาแล้วเราต้อง ระบายกันอย่างเดียวการบริหา รจัดการน้ำให้มีเพียงพอ ถ้าในปีใดฝนตกมากก็สามารถระ บายได้ดี ปีใดฝนตกน้อยก็สามารถเก็บน้ ำไว้ใช้ได้ เพราะการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ได้มีการดำเนินการเตรียมไว้ แล้ว อย่างที่ผมเรียนว่าแนวคิดหล ักการอยู่ในแผนแม่บท การที่จะเอามาดูแลให้ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงของราคาการลง ทุนต่างๆ ไป ก็จะต้องมีตัวเลขที่จะต้องด ำเนินการ
พิธีกร : 350,000 ล้านบาท พอไหมครับท่าน
ดร.วีรพงษ์ฯ : สำหรับโครงการที่มีอยู่แล้ว ในใจที่พิจารณาอยู่พอ ก็ตั้งตามความต้องการของโคร งการต่างๆ ส่วนต่อไปข้างหน้าจะมีอะไรเ พิ่มเติมขึ้น ก็คอยว่ากันใหม่ ทีนี้ถ้าสังเกตดูชื่อกรรมกา รผมนี้ไม่ใช้พื้นฟูอย่างเดี ยวสร้างอนาคต การสร้างอนาคตนี้เป็นเรื่อง ใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อก่อนเราก็มีความคิดแต่ ติดเรื่องวินัยการคลัง ติดหนี้กองทุนฟื้นฟู วันนี้ถ้าสามารถยกออกไปได้แ ล้วเราก็จะสามารถที่จะดำเนิ นการในเรื่องโครงการต่างๆ ที่จะรองรับความเจริญเติบโต ของทวีปเอเชียที่จะเป็นศูนย ์ของเศรษฐกิจของโลกต่อไป แล้วที่ตั้งของประเทศของเรา ก็เหมาะในเรื่องการมีถนนจาก เวียดนามไปพม่า จากจีนลงสิงคโปร์บังเอิญมาต ัดอยู่เมืองไทยพอดี ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปออสเตรีย กับไปลอนดอนมันพอดีกันเครื่ องบินลงมาจอดเติมน้ำมันพอดี กัน เราเป็นศูนย์การบินภูมิภาคจ ะเป็นศูนย์การคมนาคมทางบกใน ภูมิภาค ระบบรถรางรถไฟของเรานี้ล้าส มัยมากควรจะเปลี่ยนได้แล้ว ควรจะทำใหม่ให้ทันสมัย ถ้าจะเป็นระบบที่จะถูกที่สุ ดในระบบน่าจะทำใหม่หมดทั้งร ะบบ นอกจากนั้นแล้วจะมีเรื่องทา งด้านอื่นๆ ทางด้านวิทยาสตร์ ทางด้านไอที ทางด้านInformation เทคโนโลยี มีเรื่องอื่นที่เราจะต้องอั พเกรด
ดร.วีรพงษ์ฯ : คือเป็นการปรับโครงสร้างพื้ นฐานของประเทศครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับความสามารถในกา รแข็งขันระดับประเทศ ยกมาตรฐานของเราขึ้นให้ทันส มัยขึ้น เราขณะนี้ตามจีนยังไม่ทันเล ย ตามประเทศไต้หวัน ประเทศสิงคโปร์ไม่ทัน
พิธีกร : ทำไมโครงการเหล่านี้รัฐบาลเ ป็นคนลงทุน เราไม่สามารถที่ทำเป็น PP Private Public
ดร.วีรพงษ์ฯ : คืออย่างนี้พื้นฐานรัฐบาลต้ องลง เมื่อรัฐบาลลงทุนแล้วเอกชนก ็ไปจัดการเพราะว่าโครงการที ่ต้องใช้ร่วมกัน ถนนอย่างนี้ให้เอกชนลงท�